การจัดสภาพแวดล้อม เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้
มุมที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร
การจัดมุมประสบการณ์ควรเป็นสถานที่ที่เด็กได้อยู่ในโลกของภาษาด้วยหนังสือ
สัญลักษณ์ ที่มีความหมายต่อเรื่องที่เรียนมีมุมที่เด็กสนใจ โดยเด็กสามารถเข้าไปเรียนรู้ซืมชับอย่างเอิบอาบไปด้วยภาษาได้ตลอดเวลา
ข้อคิดสำหรับการสอนภาษา
1.เริ่มจากตัวเด็กก่อนไม่ว่าจะเป็นความพร้อมหรือการสนใจ
2.สอนแบบเป็นธรรมชาติ
3.สอนอย่างมีความหมาย
4.สอนจากสี่งที่เด็กได้พบเห็นหรือมีประสบการณ์มาก่อน
5.สอนให้เด็กรู้สึกสนุกและอยากเรียน(ไม่ใช้ฝึกแต่ให้ใช้)
6.ให้โอกาสเด็กได้ใช้ภาษา เช่น เด็กอยากพูดก็ควรให้พูด เด็กอยากฟังก็ควรให้ฟัง
เด็กอยากอ่านก็คสอนให้อ่าน เด็กอยากเขียนก็ควรให้เขียน
ทำไมเราจึงอ่านหนังสือ
-ภาษาเขียนอ่านจากหน้าไปหลังซ้ายไปขวาบนลงล่าง
-ตัวหนังสือต่างจากภาพ
-ตัวหนังสือก่อให้เกิดนิทานและเรื่องราวต่างๆ
-ตัวหนังสือทำให้เกิดเสียง
-ข้อความในหนังสือเป็นสี่งถาวร
-ตัวหนังสือเป็นสี่งที่สื่อความหมายได้
ควรสอนอ่านก่อนขึ้นชั้น ป.1 หรือไม่ ควรถ้าสถานการณ์เป็นไปตามนี้
-เป็นความปรารถนาที่มาจากตัวเด็ก
-วิธีการเหมาะสมกับเด็ก
-ครูสร้างความสนใจในคำและหนังสือ
-ครูหวังให้เด็กแต่ละคนแตกต่างกัน
-ใช้ประสบการณ์ตรงในการสนับสนุนการอ่าน
-ให้ผู้ปกครองมีส่วนร้วมในการส่งเสริมการอ่าน
ไม่ควร ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนี้
-สอนเป็นแบบฝึกหัดเป็นประจำ
-คาดหวังให้เด็กทำตามเหมื่อนกันทุกคน-เน้นความเงียบ
-จัดกลุ่มและเรียกกลุ่มเด็กตามความสามารถในการอ่าน-สอนแยกแต่ละทักษะออกจากกัน
-สอนโดยถูกบีบบังคับจากผู้ปกครอง-เป็นการใช้อำนาจของครู
เทคนิคที่ไม่ควรนำมาใช้ในการสอนภาษา
-เน้นความจำ
-เน้นการฝึก
-ใช้การทดสอบ
-สอนแต่ละทักษะแยกจากกัน
-การตีตราเด็ก
-ใช้แบบฝึกที่เป็นกระดาษและดินสอเส่นจุดประ
-ไม่ยอมรับความผิดพลาดสอนภาษาในเวลาที่กำหนด
-ช่วงการสอนภาษาจะจำกัดเวลาและให้เป็นช่วงเวลาเงียบๆไม่ใช้เสียง
-จำกัดวัสดู อุปกรณ์ อาจเหลือเพียงแบบฝึกดินสอ หนังสือ แบบเรียน
-ทำให้การเรียนภาษาเป็นสี่งที่น่าเบื่อหน่าย
เทคนิคที่ควรที่นำมาใช้ในการสอนภาษา
-สอนในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ
-สอนสี่งที่มีความหมายสำหรับเด็ก
-สอนจากสี่งที่รู้ไปยังสี่งที่ไม่รู้
-บรูณาการเข้ากับสาขาวิชาอื่น
-ให้โอกาสเด็กทุกคนเรียนรู้ภาษา
-ใช้ความคิดและถ้อยคำของเด็ก
-ยอมรับการคาดเดาของเด็ก
-ให้โอกาสเด็กอย่างมากมายในการใช้ทักษะต่างๆ
-จัดหาเครืองมือเครืองใช้ต่างๆ
-ทำให้การเรียนรู้หน้าสนใจและสนุกสนาน
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธุ์ พ.ศ. 2554 ครั้งที่ 13
ความรู้ของเด็กจะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อเด็กได้รับโอกาศในการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการอ่านร่วมกับผู้ใหญ่และกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้จัดเงียบๆตามลำพัง การอ่านกับเพื่อนเป็นคู่เป็นกลุ่มย่อย เพื่ออภิปรายร่วมกันในการรับฟังและตรวจสอบความคิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการอ่านจากสิ่งที่ครูให้เด็กเขียนร่วมกันหรือสิ่งที่เด็กเขียนขึ้นเอง นับได้ว่าเป็นการอ่านที่ดีที่สุดของเด็ก
*ภาษาที่เกิดขึ้นได้ดีเป็นภาษาที่มีความหมาย*
ลักษณะสำคัญของภาษาแบบองค์รวม
-อ่าน-เขียน
-เน้นความเข้าใจเนื้อเรื่องมากกว่าการท่องจำตัวหนังสือผ่านการฟังนิทาน เรื่องราวสนทนาโต้ตอบคิดวิเคราะห์ร่วมกับครูหรือผู้ใหญ่
-การคาดคะเนโดยการเดาในขณะอ่าน เขียนและสะกด เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในการเรียนรู้ภาษาธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องอ่านหรือสะกดถูกต้องทั้งหมด
-มีหนังสือวัสดุสิ่งพิมพ์ต่างๆให้เด็กเป็นผู้เลือก เพื่อได้รับประสบการณ์ทางภาษาอย่างหลากหลาย
-ครูแนะนำและสอนอ่านในกลุ่มที่ไม่ใหญ่มาโดยใช้หนังสือเล่มใหญ่ที่เห็นชัดเจนทั่วกัน
-ให้เด็กแบ่งกลุ่มเล็กๆผลัดกันอ่านด้วยการออกเสียงดังๆ เช่น คำซ้ำ คำคล้องจอง
-ครูสอนการอ่านอย่างมีความหมายด้วยความสนุกสนานในกลุ่มย่อย สอนให้รู้จักวิธีการใช้หนังสือการเปิดหนังสืออย่างถูกต้อง
-เปิดโอกาสให้เด็กพูดคุย ซักถามจากประสบการณ์เดิมซึ่งครูสามารถประเมินได้
-ให้เด็กเลือกหนังสือที่ชอบและไปนั่งอ่านมุมเงียบๆ(มุมหนังสือนิทาน)
-ให้เด็กได้เขียน ขีดเขี่ย วาดภาพ ถ่ายทอดสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ ความประทับใจอย่างอิสระ-ครูตรวจสอบการเขียนของแต่ละคน
*กระบวนการการเรียนรู้แบบธรรมชาติตามวัยวุฒิของเด็ก คือ การทำให้เด็กมีความสนใจในตัวครูผู้สอนเพื่อให้เด็กได้เกิดการเรียน *ครู*เป็นผู้สร้างประติสัมพันธ์ให้กับเด็ก
*ภาษาที่เกิดขึ้นได้ดีเป็นภาษาที่มีความหมาย*
ลักษณะสำคัญของภาษาแบบองค์รวม
-อ่าน-เขียน
-เน้นความเข้าใจเนื้อเรื่องมากกว่าการท่องจำตัวหนังสือผ่านการฟังนิทาน เรื่องราวสนทนาโต้ตอบคิดวิเคราะห์ร่วมกับครูหรือผู้ใหญ่
-การคาดคะเนโดยการเดาในขณะอ่าน เขียนและสะกด เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในการเรียนรู้ภาษาธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องอ่านหรือสะกดถูกต้องทั้งหมด
-มีหนังสือวัสดุสิ่งพิมพ์ต่างๆให้เด็กเป็นผู้เลือก เพื่อได้รับประสบการณ์ทางภาษาอย่างหลากหลาย
-ครูแนะนำและสอนอ่านในกลุ่มที่ไม่ใหญ่มาโดยใช้หนังสือเล่มใหญ่ที่เห็นชัดเจนทั่วกัน
-ให้เด็กแบ่งกลุ่มเล็กๆผลัดกันอ่านด้วยการออกเสียงดังๆ เช่น คำซ้ำ คำคล้องจอง
-ครูสอนการอ่านอย่างมีความหมายด้วยความสนุกสนานในกลุ่มย่อย สอนให้รู้จักวิธีการใช้หนังสือการเปิดหนังสืออย่างถูกต้อง
-เปิดโอกาสให้เด็กพูดคุย ซักถามจากประสบการณ์เดิมซึ่งครูสามารถประเมินได้
-ให้เด็กเลือกหนังสือที่ชอบและไปนั่งอ่านมุมเงียบๆ(มุมหนังสือนิทาน)
-ให้เด็กได้เขียน ขีดเขี่ย วาดภาพ ถ่ายทอดสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ ความประทับใจอย่างอิสระ-ครูตรวจสอบการเขียนของแต่ละคน
*กระบวนการการเรียนรู้แบบธรรมชาติตามวัยวุฒิของเด็ก คือ การทำให้เด็กมีความสนใจในตัวครูผู้สอนเพื่อให้เด็กได้เกิดการเรียน *ครู*เป็นผู้สร้างประติสัมพันธ์ให้กับเด็ก
วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554 ครั้งที่ 12
อาจาร์ยสอนเรื่องบรูณาการนิทาน นิทานเรื่อง"ผมแกละ" นิทานเรื่องนี้สอนเรื่องเกี่ยวกับ
-เลียนเสียงของสัตว์
-คำซ้ำ
-เด็กๆอย่ากลัวเสียงฟ้าร้อง
ภาษาธรรมชาติ(Whole Language Approach)การสอนภาษาโดยองค์รวม
โคมินิอุส
เด็กสามารถค้นพบข้อมูลใหม่ๆได้ด้วยการนำเสนอด้วยสิ่งที่เด็กคุ้นเคยในชีวิตอยู่แล้ว เด็กจะเข้าใจสิ่งของที่เป็นรูปธรรมได้โดยการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันของเด็ก
กู๊ดแมน สมิธ เมอร์ริดิธ
ความรู้จะเกิดขึ้นอย่างพรั่งพรูจากกระบวนการเรียนรู้และมีการพัฒนาการภาษาพูด ภาษาเขียน ซึ่งครูจะเห็นได้ชัดเจนจากการที่เด็กๆ นั้นอาศัยภาษาเป็นสื่อในการแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างมีความหมายในกระบวนการเรียนรู้ทั่วๆไปของเด็กในโรงเรียน ครูใช้ภาษาทุกทักษะด้านการฟัง การพูด อ่าน เขียน แบบองค์รวมในทุกกิจกรรมในห้องเรียน เช่น การวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ การแนะนำหลักสูตร การทำจดหมายข่าว การเขียนบทความ เขียนหนังสือต่างๆ ครูบางกลุ่มได้อธิบายการพัฒนาปรับเปลี่ยนการอ่านของเด็กจนเกิดแนวทางใหม่ในการอ่านแบบธรรมชาติ
จูดิท นิวแมน(Judith Newman)
การสอนภาษโดยแนวคิดองค์รวมมีลักษณะเป็นปรัชญา Philosophical stance ความคิดของผู้สอนโดยก่อตังขึ้นจากหลักการสอนที่ผู้สอนนำมาบูรณาการ
จอห์น ดิวอี้
การเรียนรู้ภาษาของเด็กเกิดจากประสบการณ์โดยตรง
ทฤษฎีเป็นกุญแจสำคัญของการสะท้อนความคิดต่อการสอนของครู (Reflective teaching)
ผู้เรียนต้องเป็นศูนย์กลางของกระบวนการเรียนรู้ครูผู้สอนควรบูรณาการด้านภาษาให้กลมกลืนไปกับการเรียนรู้ทุกเรื่องในหลักสูตรซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดนักทฤษฎี
-เพียเจท์
เด็กจะเรียนรู้โดยผ่านกิจกรรมด้วยการเคลื่อนไหวและมีปฎิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างองค์ความรู้ขึ้นภายในตนเองนั้นโดยเด็กเป็นผู้กระทำ Active ก่อให้เกิดการเรียนรู้ในการคิดด้วยตนเอง
*จึงกล่าวได้ว่า* การเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นจากมีการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ผ่านการเล่นซึ่งช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาจากกิจกรรมที่ทำร่วมกันและเป็นรายบุคคล
-เลียนเสียงของสัตว์
-คำซ้ำ
-เด็กๆอย่ากลัวเสียงฟ้าร้อง
ภาษาธรรมชาติ(Whole Language Approach)การสอนภาษาโดยองค์รวม
โคมินิอุส
เด็กสามารถค้นพบข้อมูลใหม่ๆได้ด้วยการนำเสนอด้วยสิ่งที่เด็กคุ้นเคยในชีวิตอยู่แล้ว เด็กจะเข้าใจสิ่งของที่เป็นรูปธรรมได้โดยการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันของเด็ก
กู๊ดแมน สมิธ เมอร์ริดิธ
ความรู้จะเกิดขึ้นอย่างพรั่งพรูจากกระบวนการเรียนรู้และมีการพัฒนาการภาษาพูด ภาษาเขียน ซึ่งครูจะเห็นได้ชัดเจนจากการที่เด็กๆ นั้นอาศัยภาษาเป็นสื่อในการแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างมีความหมายในกระบวนการเรียนรู้ทั่วๆไปของเด็กในโรงเรียน ครูใช้ภาษาทุกทักษะด้านการฟัง การพูด อ่าน เขียน แบบองค์รวมในทุกกิจกรรมในห้องเรียน เช่น การวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ การแนะนำหลักสูตร การทำจดหมายข่าว การเขียนบทความ เขียนหนังสือต่างๆ ครูบางกลุ่มได้อธิบายการพัฒนาปรับเปลี่ยนการอ่านของเด็กจนเกิดแนวทางใหม่ในการอ่านแบบธรรมชาติ
จูดิท นิวแมน(Judith Newman)
การสอนภาษโดยแนวคิดองค์รวมมีลักษณะเป็นปรัชญา Philosophical stance ความคิดของผู้สอนโดยก่อตังขึ้นจากหลักการสอนที่ผู้สอนนำมาบูรณาการ
จอห์น ดิวอี้
การเรียนรู้ภาษาของเด็กเกิดจากประสบการณ์โดยตรง
ทฤษฎีเป็นกุญแจสำคัญของการสะท้อนความคิดต่อการสอนของครู (Reflective teaching)
ผู้เรียนต้องเป็นศูนย์กลางของกระบวนการเรียนรู้ครูผู้สอนควรบูรณาการด้านภาษาให้กลมกลืนไปกับการเรียนรู้ทุกเรื่องในหลักสูตรซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดนักทฤษฎี
-เพียเจท์
เด็กจะเรียนรู้โดยผ่านกิจกรรมด้วยการเคลื่อนไหวและมีปฎิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างองค์ความรู้ขึ้นภายในตนเองนั้นโดยเด็กเป็นผู้กระทำ Active ก่อให้เกิดการเรียนรู้ในการคิดด้วยตนเอง
*จึงกล่าวได้ว่า* การเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นจากมีการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ผ่านการเล่นซึ่งช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาจากกิจกรรมที่ทำร่วมกันและเป็นรายบุคคล
วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554 ครั้งที่ 11
วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาเขียนและออกไปปฏิบัติหน้าห้องทีละกลุ่ม
1.คำคล้องจอง
2.รู้สึกอย่างไร
3.ครอบครัวของฉัน
4.ทำและปฏิบัติ
5.ทำตรงกันข้าม
6.พูดกระซิบต่อกัน
7.วาดภาพและเล่านิทานต่อกัน
8.ร้องเพลง
9.วาดภาพเล่าเรื่อง
-แต่ละหัวข้อมีประโยชน์อย่างไรกับเด็กปฐมวัย
*บรรยากาศในห้องสนุกสนานเพลิดเพลินมากๆตอนที่เพื่อนๆได้ออกไปปฏิบัติหน้าห้อง เพื่อนทุกคนในห้องต่างอารมณ์ดี
วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554ครั้งที่ 10
วันนี้เรียนชดเชย
วันอังคารที่11มกราคม พ.ศ. 2554 ครั้งที่ 9
วันนี้อาจารย์ให้ให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปริศนาคำทาย อาจารย์ให้ส่งฉัน ชอบ กิน...
อาจารย์ยกตัวอย่างงานของเพื่อนบางคนได้แนะนำว่าควรเขียนตัวหนังสือให้สวยงาม มีหัว และอ่านออก อ่านได้ง่าย อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอปริศนาคำทาย และในเพื่อนๆช่วยกัน
แสดงความคิดเห็นของแต่ละกลุ่ม แล้วอาจารย์ก็ยังให้คำแนะนำเพิ่มเติม
เกี่ยวกับตัวหนังสือต้องเว้นวรรคให้ชัดเจน พอนำเสนอเสร็จครบทุกกลุ่มแล้ว
อาจารย์บอกให้นักศึกษาให้แต่ละกลุ่มนำ Big Bookไปเล่นให้เด็กสาธิตฟัง
ภายให้อาทิตย์หน้าพร้อมถ่ายรูปและสรุปผลส่งให้อาจารย์ด้วย
อาจารย์ให้นักศึกษาวิเคราะห์กิจกรรมส่มเสริมทักษะทางภาษาดังนี้
-โฆษณา
-ประชาสัมพันธ์
-ประกาศ
-ของรักของหวง
-เล่าเรื่องจากภาพ
-เล่าประสบการณ์
วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 8
วันนี้อาจารย์ แจกกระดาษที่มี ก-ฮ ที่เป็นรูปแบบของไดโนเสาร์ชนิดต่างๆแล้วให้นักศึกษาเรียงลำดับ และอาจารย์ก็เล่านิทานที่มีการพับกระดาษเป็นรูปเรือและการฉีกกระดาษประกอบการเล่านิทานเมื่อจบเรื่อง ก็ครี่กระดาษออกจะได้ภาพใหม่จากที่เป็นเรือก็เปลี่ยนมาเป็นรูปเสื้อ และเล่านิทาน เรื่องกระต่ายกับงู
การฟังและการพูดโดยไม่ตต้องอาศัยการสอนอย่างเป็นทางการ เมื่อเด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางภาษาจะทำให้เด็กเข้าใจและใช้พื้นฐานของภาษาได้ตั้งแต่อายุ สี่ หรือ ห้า ปี
1.คำคล้องจอง
2.รู้สึกอย่างไร
3.ครอบครัวของฉัน
4.ทำและปฏิบัติ
5.ทำตรงกันข้าม
6.พูดกระซิบต่อกัน
7.วาดภาพและเล่านิทานต่อกัน
8.ร้องเพลง
9.วาดภาพเล่าเรื่อง
-แต่ละหัวข้อมีประโยชน์อย่างไรกับเด็กปฐมวัย
*บรรยากาศในห้องสนุกสนานเพลิดเพลินมากๆตอนที่เพื่อนๆได้ออกไปปฏิบัติหน้าห้อง เพื่อนทุกคนในห้องต่างอารมณ์ดี
วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554ครั้งที่ 10
วันนี้เรียนชดเชย
วันอังคารที่11มกราคม พ.ศ. 2554 ครั้งที่ 9
วันนี้อาจารย์ให้ให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปริศนาคำทาย อาจารย์ให้ส่งฉัน ชอบ กิน...
อาจารย์ยกตัวอย่างงานของเพื่อนบางคนได้แนะนำว่าควรเขียนตัวหนังสือให้สวยงาม มีหัว และอ่านออก อ่านได้ง่าย อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอปริศนาคำทาย และในเพื่อนๆช่วยกัน
แสดงความคิดเห็นของแต่ละกลุ่ม แล้วอาจารย์ก็ยังให้คำแนะนำเพิ่มเติม
เกี่ยวกับตัวหนังสือต้องเว้นวรรคให้ชัดเจน พอนำเสนอเสร็จครบทุกกลุ่มแล้ว
อาจารย์บอกให้นักศึกษาให้แต่ละกลุ่มนำ Big Bookไปเล่นให้เด็กสาธิตฟัง
ภายให้อาทิตย์หน้าพร้อมถ่ายรูปและสรุปผลส่งให้อาจารย์ด้วย
อาจารย์ให้นักศึกษาวิเคราะห์กิจกรรมส่มเสริมทักษะทางภาษาดังนี้
-โฆษณา
-ประชาสัมพันธ์
-ประกาศ
-ของรักของหวง
-เล่าเรื่องจากภาพ
-เล่าประสบการณ์
วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 8
วันนี้อาจารย์ แจกกระดาษที่มี ก-ฮ ที่เป็นรูปแบบของไดโนเสาร์ชนิดต่างๆแล้วให้นักศึกษาเรียงลำดับ และอาจารย์ก็เล่านิทานที่มีการพับกระดาษเป็นรูปเรือและการฉีกกระดาษประกอบการเล่านิทานเมื่อจบเรื่อง ก็ครี่กระดาษออกจะได้ภาพใหม่จากที่เป็นเรือก็เปลี่ยนมาเป็นรูปเสื้อ และเล่านิทาน เรื่องกระต่ายกับงู
การฟังและการพูดโดยไม่ตต้องอาศัยการสอนอย่างเป็นทางการ เมื่อเด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางภาษาจะทำให้เด็กเข้าใจและใช้พื้นฐานของภาษาได้ตั้งแต่อายุ สี่ หรือ ห้า ปี
วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ครั้งที่ 6
วันนี้อาจารย์เหมียวได้เข้าสอนแทนอาจารย์จ๋า
อาจารย์จ๋าได้สั่งงานให้ทำ Big book
1.รับกระดาษจากอาจารย์
2.วางแผนและออกแบบ
3.แบ่งงานกันทำในกลุ่ม ลงมือปฏิบัติงาน
3.อาจารย์ให้กลับไปทำที่บ้านเพราะจะมีอุปกรณ์ที่พร้อมกว่า
วันนี้ บรรยากาศในห้อง เพื่อนๆสนทนากันเรื่องทำ Big book เพราะยังงงๆไม่เข้าใจสักเท่าไร
อาจารย์จ๋าได้สั่งงานให้ทำ Big book
1.รับกระดาษจากอาจารย์
2.วางแผนและออกแบบ
3.แบ่งงานกันทำในกลุ่ม ลงมือปฏิบัติงาน
3.อาจารย์ให้กลับไปทำที่บ้านเพราะจะมีอุปกรณ์ที่พร้อมกว่า
วันนี้ บรรยากาศในห้อง เพื่อนๆสนทนากันเรื่องทำ Big book เพราะยังงงๆไม่เข้าใจสักเท่าไร
วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน 2553 ครั้งที่ 4
วันนี้อาจารย์ได้พูดถึงหน้าที่ของครูผู้สอน ครูต้องสอนในสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเด็กโดยนำมาเชื่อมโยงกับความรู้ใหม่ๆ อย่างเช่นการเล่านิทานที่นำกระดาษหนึ่งแผนมีการพับ การฉีก ประกอบกับเล่าเป็นนิทาน
1.การพับกระดาษเป็นรูปเรือ
2.เล่านิทานประกอบ
3.ฉีกกระดาษส่วนต่างๆหัวเรือ ท้ายเรือ ออกตามเนื้อเรื่องในนิทานที่อาจารย์เล่า
4.คลี่กระดาษที่ฉีกออก จะได้รูปเสื้อเเขนสั้น
5.เป็นการเชื่อมโยงด้านต่างๆเข้าด้วยกันทั้งเรื่อง ภาษา ศิลปะ การใช้กล้ามเนื้อ ความสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา
1.การพับกระดาษเป็นรูปเรือ
2.เล่านิทานประกอบ
3.ฉีกกระดาษส่วนต่างๆหัวเรือ ท้ายเรือ ออกตามเนื้อเรื่องในนิทานที่อาจารย์เล่า
4.คลี่กระดาษที่ฉีกออก จะได้รูปเสื้อเเขนสั้น
5.เป็นการเชื่อมโยงด้านต่างๆเข้าด้วยกันทั้งเรื่อง ภาษา ศิลปะ การใช้กล้ามเนื้อ ความสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)